Hair World Plus

ก้าวตามฝันด้วยความมุ่งมั่น กับ “จอห์น-ชัชวาล พัวธัญวงศ์” แห่ง The White Box

ช่างผมไทยออกไปวาดลวดลายในระดับนานชาติให้ต่างชาติได้เห็นฝีมือคนไทย จากเด็กที่หลงใหลแฟชั่นตามไอดอลนักกีฬา ผันตัวจากการเป็นเจ้าของบริษัทอีเว้นท์ออแกไนเชอร์ มาเป็นช่างตัดผม ผู้พยายามนำพาฝีมือของคนไทยสู่สายตานานาชาติ จุดเริ่มต้นจากความชื่นชอบในวัยเด็ก ผ่านความอดทน ฝึกฝน และเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา จนมาเป็นหนึ่งในช่างตัดผมที่เป็นแรงขับเคลื่อนของวงการช่างทำผมไทย ทำให้ชื่อ “จอห์น-ชัชวาล พัวธัญวงศ์” เจ้าของร้าน The White Box Salon and Barber Shop ติดอยู่ในชื่อช่างตัดผมที่น่าจับตามองของเมืองไทย

จุดเริ่มต้นของการมาเป็นช่างตัดผม

ผมเป็นคนเข้าร้านตัดผมตั้งแต่เด็กๆ ด้วยความที่ชอบเล่นกีฬา จึงชอบตามพวกนักกีฬาดังๆ อย่างเดวิด เบ็กแฮม อยากตัดผมเหมือนกับเขา มีความสนใจร้านตัดผมเป็นพิเศษ ว่างก็จะเข้าร้านตัดผมตลอด ปิดเทอมก็อยากทำสีผม เลยคิดว่าตัวเองเป็นคนชอบตัดผม แต่ได้มาตัดจริงๆ ในช่วงที่ทำงานประจำ ด้วยการที่โตมากับตลาดนัดจตุจักรและแหล่งขายเสื้อผ้ามือสอง จึงทำให้คลุกคลีอยู่กับพวกแฮร์สไตลิสต์ และพวกพี่ๆ ที่ทำเสื้อผ้าแฟชั่น เราจึงเริ่มชอบอย่างจริงจัง ทั้งในเรื่องของทรงผมและแฟชั่น ประกอบกับช่วงทำงานบริษัทอีเว้นท์ ในช่วงเวลาว่างๆ เราอยากหางานอดิเรกทำ เลยเปิดร้านเสื้อผ้ามือสองขายของวินเทจเล็กๆ ขึ้นที่ตลาดนัดรถไฟ พอกลิ่นอายของร้านมีความคลาสสิคแล้ว ทรงผมของเราก็ควรไปในแนวเดียวกัน แต่พอไปตัดตามร้านแล้วไม่ได้แบบที่เราต้องการซักที เลยตัดสินใจไปเรียนตัดผมชาย เพื่อที่จะได้บอกช่างได้ว่าเราต้องการแบบไหน แต่หลังจากที่เรียนไปสักพัก ก็เริ่มตัดเพื่อนตัดพ่อค้าด้วยกันในตลาดนัดเพื่อฝึกฝีมือ จนกลายมาเป็นช่างตัดผมถึงทุกวันนี้ ปีนี้เข้าปีที่ 9 แล้ว ใช้เวลาเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ประมาณ 3 ปี เรียนกับสถาบันแบบเต็มคอร์ส และคอร์สสั้นๆ ด้วย ถึงได้มาเปิดร้าน The White Box

ความเป็นมาของร้าน The White Box

ร้าน The White Box เข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว ร้านแรกอยู่ที่ตลาดนัดรถไฟ เป็นร้านตัดผมที่อยู่ในตลาดกลางคืน ตัดตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน ช่วงที่บูมๆ ตัดกันถึงตี 3 ตี 4 จนต่อมาเปิดสาขาที่ 2 The White Box “Underground” ที่อยู่ใน  MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรม ตอนนี้ก็เข้าปีที่ 3 แล้ว เป็นร้านที่ครบวงจรที่สุด ผมเรียนทั้งบาร์เบอร์และซาลอน ร้าน The White Box Underground ทำได้ทั้งตัดผมชาย ตัดผมหญิง เป็น Unisex เป็นซาลอน และบาร์เบอร์ช็อป ทำสี ก็จะอยู่ที่สาขานี้ สำหรับร้านทำผมการคิดชื่อเป็นโจทย์ที่ยากที่สุด สำหรับเราต้องการร้านที่กำแพงสีขาวสะอาดตา ทำงานง่าย เราต้องการให้ลูกค้าเห็นแก่นของร้านตัดผม คือการตัดผม ร้านเราข้างนอกจึงทาสีดำ ภาพในทาสีขาว อยากให้ลูกค้ามองเห็นความขาวสะอาดหรือแก่นแท้ของร้าน ร้านเราจึงไม่มีกรอบรูป ไม่มี Barber Pole ไม่มีเขาสัตว์ เหมือนอย่างร้านตัดผมทั่วไป Mood&Tone ของ The White Box ในแต่ละร้านจึงมีเรื่องราวและอารมณ์ไม่เหมือนกัน เพื่อให้สถานที่ทำงานของเรา แต่ละที่มันทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นเหมือนการ์ตูนที่เราอ่านสมัยเด็ก มันมีเรื่องราวและความสนุกในแต่ละภาคแต่ละตอนของมัน เราปรับเข้าหาพื้นที่ เพื่อให้เกียรติสถานที่นั้นๆ ด้วยความแตกต่างอย่างกลมกลืน

อะไรคือจุดเด่นของร้าน

สิ่งที่ทำให้ร้าน The White Box แตกต่างจากร้านตัดผมทั่วไปคือ การตอบโจทย์ของลูกค้าหลากหลาย ผมบ้าตัดผม และเริ่มต้นตัดผมด้วยสไตล์คลาสสิคโอลด์สคูล แต่เราไม่ได้ตัดแต่คลาสสิคโอลด์สคูลอย่างเดียว เราสามารถตัดได้ทุกแบบทุกสไตล์ ไม่ว่าทรงผมชาย ทรงผมหญิง แบบที่หวือหวาอย่างศิลปิน นักร้อง นักกีฬา เราก็ตอบสนองได้ ลูกค้าสามารถแชร์ไอเดียกับเราได้ ลูกค้าต้องการอะไร อะไรที่เข้ากับลูกค้า เรามีการสื่อสารกับลูกค้า เราไม่มีแบบผมให้กับลูกค้า เราเน้นการพูดคุยกับลูกค้า หาสิ่งที่เหมาะที่สุดให้กับลูกค้าพึงพอใจ

อุปสรรคในการทำงาน

การทำงานช่วงแรกๆ เป็นช่วงของการเรียนรู้ มันมีช่วงที่รู้สึกท้อแน่นอน มันมีช่วงที่น่าเบื่อ ว่าทำไมตัดไม่สวยสักที ทำยังไงก็ไม่ได้ดังใจ ผมว่ามันเป็นอุปสรรคที่หลายๆ คนน่าจะเคยท้อ อย่างที่ 2 คือตัดไปแล้วมันตัน ไม่มีความหลากหลาย มันต้องใช้ความอดทนพอสมควรในการฝึกฝนเรียนรู้ การตัดผมมันต้องทำซ้ำๆ ฝึกทำจนชิน มันต้องเปลี่ยนจากความเบื่อให้เป็นความสนุกให้ได้ เหมือนเราเล่นเกมที่ต้องผ่านไปให้ได้ในแต่ละคน ถ้าคุณผ่านอุปสรรคตรงนี้ไป ผมว่ามันคุ้มค่าที่เสียเวลาไป

ผลงานที่ภาคภูมิใจ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมได้ทำอะไรสนุกๆ หลายอย่าง อันหนึ่งที่ผมภาคภูมิใจมาก และเป็นความฝันที่อยากทำมาโดยตลอด คือ พาช่างไทยออกไปโชว์ผลงานในต่างประเทศ อยากให้ต่างชาติได้เห็นฝีมือของคนไทย มีโปรเจ็กต์หนึ่งที่ผมได้ร่วมกับ Andis แบรนด์ปัตตาเลี่ยนเก่าแก่แบรนด์หนึ่งของโลกจากอเมริกา เขามีโปรเจ็กต์ที่ชื่อ Andis Nation ที่เฟ้นหาช่างตัดผมฝีมือดีจากทั้งอเมริกาและแคนาดาจนพัฒนาต่อทั่วโลก เป็นโปรเจ็กต์ที่ทางแบรนด์จะสนับสนุนอุปกรณ์ตัดผมให้กับช่างตัดผมไปจนถึงการแต่งตั้ง Brand Ambassador คนไทย 7 คนแรกของเอเชีย ปกติเขามีแค่ฝั่ง US กับ UK พอปีที่ 2 ผมได้รับคัดเลือกให้เป็น Educator ของเขา เป็นคนแรกของเอเชีย ได้ร่วมงานกับ Educator ของเขาจากทั่วโลก ปีหน้าคงได้ออกไปร่วมงาน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการตัดผม และนำมาพัฒนาวงการตัดผมบ้านเรา อยากให้ช่างรุ่นใหม่มีความฝันและเป้าหมาย ฝึกฝนฝีมือ เมื่อโอกาสมาถึงอยากให้ทุกพร้อมรับมัน อีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่ภูมิใจอีกงานคือ จัดงาน Keep Clam and Party with a Barber ที่นำ Leen และ Bertus เจ้าของร้าน Schorem Haarsnijder En Barbier จากเนเธอร์แลนด์ ช่างตัดผมสายบาร์เบอร์ที่เป็น Inspiration บาร์เบอร์ทั่วโลกมาร่วม Workshop กับช่างผมไทย และสุดท้ายคือการได้รับเกียรติให้เป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมสมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทยในสายของบาร์เบอร์ ร่วมสร้างมาตรฐานของช่างผมไทย และผลักดันวงการให้โตไปในทิศทางที่ถูกต้อง

 

มีคติในการทำงานอย่างไร

ตั้งแต่ทำงานประจำมา มีคติหนึ่งที่บอกคนรอบตัวอยู่เสมอว่า อย่าพูดว่าทำไม่ได้เกินวันละ 3 ครั้ง ถ้าพูดว่าทำไม่ได้ มันเหมือนเป็นการปิดกั้นตัวเอง จะอยู่กับที่ ไปไหนไม่ได้ เราต้องพูดว่าเราทำได้ คนที่เรามองอยู่ทำไมเขาทำได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ เป็นคติที่ใช้มาโดยตลอด

วางเป้าหมายในอนาคตไว้อย่างไร

ยังอยากตัดผมต่อไปเรื่อยๆ คงจะเรียนรู้ เพื่อที่จะพัฒนาต่อไป ยังอยากทำโปรเจ็กต์อะไรที่มันดีๆ อยากถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากเพื่อนๆ ช่างตัดผมชั้นนำจากต่างประเทศให้กับช่างตัดผมรุ่นใหม่และเพื่อนๆ ร่วมอาชีพ ในส่วนของร้าน The White Box คงไม่โตไปกว่านี้ ไม่มีการขยายสาขาเพิ่มอีก อยากให้มันเล็กลง อยากให้เหลือสาขาเดียวที่อยู่ประจำไปตลอด ไม่ย้ายหนีลูกค้าไปไหน เป็นหลักเป็นแหล่ง อยู่ตรงนั้นไปตลอดจนผมเลิกตัดผม แต่สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของอนาคต ถ้ามีโอกาสดีๆ ก็อยากไปพิสูจน์ตัวเองที่ต่างประเทศเหมือนกัน อาจจะมีโปรเจ็กต์ร่วมกับร้านตัดผมในต่างประเทศ

ไลฟ์สไตล์ของ จอห์น The White Box

ผมเป็นคนชอบแฟชั่น เวลาว่างผมชอบไปเดินเล่นตลาดนัดสวนจตุจักร ไปดูเสื้อผ้า ไปเยี่ยมเยียนพี่ๆ น้องๆ สอบถามว่าแฟชั่นตอนนี้เป็นยังไง เพราะทรงผมกับแฟชั่นมีความคาบเกี่ยวกัน อยากไปดูเทรนด์ของเสื้อผ้าว่ากระแสไปทางไหน ช่วงทำงานออแกไนเซอร์ผมทำงานค่อนข้างหนัก ร่างกายเลยพัง เลยหันมาดูแลร่างกาย ผมหันมาวิ่งมาราธอน และต่อยมวย ต่อยจริงจังถึงขั้นจะแข่งต่อยมวยสมัครเล่น มันปลดปล่อยความเครียดจากทำงาน

รอยสักมีที่มาอย่างไร

รอยสักเป็นความชอบส่วนตัว จุดเริ่มต้นของการสักมาจากไอดอลที่เป็นนักกีฬา ส่วนมากรอยสักจะมีเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ผมสักกรรไกร เพราะผมรู้สึกว่าอุทิศชีวิตให้กับอาชีพนี้ เวลาที่เห็นรอยสักมันย้ำเตือนเราว่า เราเป็นช่างตัดผมนะ อีกอันที่ชอบเป็นภาพที่เราตัดผมให้พ่อ พ่อผมตัดผมกับช่างประจำมา 40 ปี ผมอยากตัดผมให้พ่อนะ แต่พ่อไม่ยอมจนกว่าผมจะไปดูว่าช่างเขาตัดให้อย่างไร รอยสักทำให้ผมมีไฟในการตัดผม คอยเตือนสติเราในวันที่เราตัน เรารู้สึกท้อ เตือนให้เราไม่เดินหลงทาง

ไลฟ์สไตล์ของเรามีผลต่อลูกค้าไหม

ผมเชื่ออย่าง 100% เลยว่ามีผล อย่างที่ร้านแรกลูกค้าที่ทักข้อความ หรือเดินเข้ามาตัดผมกับเราในวันที่เรายังตัดผมไม่เก่ง เพียงเพราะเขาเชื่อมั่นในสไตล์การแต่งตัวของเรา ลูกค้าเห็นว่าเรามีคาแรคเตอร์ ถ้าคุณไม่ดูแลทรงผมตัวเอง หนวดเคราไม่โกน แต่งตัวมอซอ ใส่รองเท้าแตะ ใครเขาจะเชื่อว่าคุณสามารถดูแลทรงผมให้กับเขาได้ ผมเชื่อว่าไลฟ์สไตล์ที่เราลงในสื่อโซเชียลเป็นสิ่งดึงดูดอย่างมหาศาล ทำให้รู้ว่าเรามีรสนิยม และชอบอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน

ของรักของสะสมมีอะไรบ้าง

แน่นอนเป็นเสื้อผ้า รองเท้า แต่ผมไม่ใช่คนแต่งตัวจัด แต่เป็นคนชอบเก็บสะสมเอาไว้ดู โตขึ้นมาหน่อยก็เลือกที่จะเก็บมอเตอร์ไซค์ รถคลาสสิค แต่เวลา 9 ปีที่มาเป็นช่างตัดผม ผมเริ่มเก็บสะสมอุปกรณ์เยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว ที่เห็นได้ชัดเลยคือกรรไกร แต่ละชิ้นก็จะมีเรื่องราวของมัน อย่างอันที่เป็นชิ้นแรกในชีวิตใช้ตั้งแต่เรียนตัดผม พอเริ่มศึกษามากขึ้น กล้าจะจ่ายมากขึ้น ผมเลือกใช้กรรไกรคุณภาพดีจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกรรไกรที่ราคาแพงที่สุดที่เคยซื้อ ประมาณ 40,000 บาท เพราะเราอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกค้า และอันที่ได้รับจาก Schorem บาร์เบอร์ชื่อดังที่มาจัดกิจกรรมในไทยได้มอบไว้เป็นที่ระลึกหลังเสร็จงาน ส่วนปัตตาเลี่ยนก็เก็บสะสมไว้ประมาณหนึ่ง ที่ชอบมากที่สุดก็คือตัวที่ Staygold เซ็นชื่อไว้เป็นที่ระลึกให้บนกล่อง ได้รับจากเพื่อนที่เป็นช่างตัดผมในอเมริกา ของสะสมที่ชอบอีกอย่างก็คือโปสเตอร์เกี่ยวกับการตัดผมหรืองานตัดผม มันเป็นเหมือนประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไหนอย่างไร

มีอะไรอยากบอกกับช่างรุ่นใหม่ๆ บ้าง

หลักการที่ง่ายที่สุดของการอยู่ร่วมกันในสังคม เราควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน เคารพกัน คุณต้องเป็นคนที่คิดดี มี Attitude ในด้านบวก ไม่เอาเปรียบคนอื่น ไม่บลัฟคนอื่น ไม่บูลลี่คนอื่น ควรต้องพัฒนาวงการไปด้วยกัน อยากให้อาชีพคุณมั่นคง ก็ต้องช่วยกันให้วงการมั่นคง เรื่องที่สองคืออย่าท้อ แรกๆ มันจะเหนื่อยหน่อย วันนี้ช่างผมล้นตลาด ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่เป็นทั่วโลก คุณต้องเรียนรู้ให้มากกว่าเดิม สมัยนี้การหาความรู้มันง่ายขึ้น มันมีสื่อโซเชียลให้เรียนรู้ อย่าทำตัวเป็นน้ำที่เต็มแก้ว ถ้าไม่ฝึกฝนมันไม่มีทางออกเป็นรูปธรรม อาชีพช่างตัดผม เป็นอาชีพที่ต้องอาศัยความชำนาญ ที่เหลือคือใส่ความคิดสร้างสรรค์หรือศิลปะเข้าไป อาชีพนี้เป็นอาชีพที่สนุก สร้างรายได้ให้คุณ ได้พบโจทย์ใหม่ๆ ทุกๆ วัน ได้เพื่อน ได้คอนเนคชั่น

เส้นทางชีวิตของคุณจอห์นคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับช่างตัดผมรุ่นต่อๆ ไปได้ลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมไปสร้างชื่อในระดับนานาชาติ เพื่อความฝันของคุณจอห์นได้เป็นจริง ที่จะเห็นช่างตัดผมไทยยกขบวนไปอวดฝีมือต่อชาวโลกกันเยอะๆ เป็นการช่วยยกระดับให้วงการช่างทำผมไทยพัฒนาอย่างยั่งยืน และเข้มแข็ง เติบโตไปอย่างมั่นคง มีคนเปิดทางไว้ให้แล้ว ช่างรุ่นใหม่ๆ ควรเตรียมพร้อม สู่เส้นทางในระดับสากลกันต่อไป


Posted

in

,

by

Tags: